1. คำถาม : ผู้สมัครที่กรอกใบสมัครสอบผิดพลาดในกรณีดังต่อไปนี้
เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน,ชื่อ - สกุล,คำนำหน้า
ต้องดำเนินการอย่างไร
คำตอบ : ให้ท่านเขียนคำร้องขอแก้ไขข้อมูลฯ พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
1.) แบบคำร้องขอแก้ไขข้อมูล (Download ใบคำร้อง คลิกที่นี่)
2.) ใบสมัครที่พิมพ์ออกจากระบบ จำนวน 1 ฉบับ
3.) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ฉบับ
ทั้งนี้ขอให้ท่านยื่นแบบคำร้องขอแก้ไขข้อมูลฯ พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน ภายในวันสุดท้ายของการปิดรับสมัคร โดยส่งทางไปรษณีย์อย่างเดียวเท่านั้น
วงเล็บมุมซองขวาล่างว่า
"สมัครสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น"
ไปที่
สำนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ ชั้นที่ 4 สำนักงานศาลปกครอง เลขที่ 120
หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง
เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ 02-141-0779 , 02-141-0778 โทรสาร 0-2143-9816
2. คำถาม : กรณีที่
ผู้สมัครกรอกข้อมูลอื่นผิดพลาด จะดำเนินการอย่างไร
คำตอบ : ให้ผู้สมัครยื่นเอกสารหลักฐานตามข้อ 1 โดยส่งทางไปรษณีย์ให้ครบถ้วน
จากนั้นสำนักงานศาลปกครองจะพิจารณาดำเนินการแก้ไขให้อีกครั้ง
3. คำถาม : เปิดรับสมัครสอบทางอินเทอร์เน็ต
ในวันใด
คำตอบ : ผู้สมัครสามารถสมัครทางอินเทอร์เน็ตได้ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันจันทร์ที่
11 ธันวาคม 2560 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันเสาร์ที่
23 ธันวาคม 2560 ไม่เว้นวันหยุดราชการ
โดยเข้าไปที่ https://admincourt.job.thai.com/ แล้วปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด
4. คำถาม : เปิดรับชำระเงินถึงเมื่อไร
คำตอบ : ผู้สมัครสามารถนำแบบฟอร์มการชำระเงินและนำเอกสาร
"ใบสมัครและใบแจ้งการชำระเงินในระบบ Teller Payment" ไปชำระเงินได้ 3 วิธี ดังนี้
- ชำระเงินทางเคาน์เตอร์ ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา ในเวลาทำการของธนาคารภายในวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2560
- ชำระเงินทางระบบอินเทอร์เน็ตผ่าน KTB Online ภายในเวลา 22.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2560
- ชำระเงินผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย ภายในเวลา 22.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2560
5. คำถาม : ค่าธรรมเนียมในการสมัคร เท่าไร
คำตอบ : ค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ จำนวน 1,030 บาท ซึ่งประกอบด้วย
ค่าธรรมเนียมการสอบจำนวน 1,000 บาท และค่าธรรมเนียมธนาคาร
รวมค่าบริการทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 30 บาท
6. คำถาม : พิมพ์ใบสมัครตัวจริงได้ที่ไหนและเมื่อไร
คำตอบ : สำนักงานศาลปกครอง จะกำหนดเลขประจำตัวสอบตามลำดับของการชำระค่าธรรมเนียมการสมัครครบถ้วนถูกต้อง
สามารถเข้าไปตรวจสอบเลขประจำตัวสอบ ทางเว็บไซต์ https://admincourt.job.thai.com/ และเมื่อประกาศรายชื่อผู้เข้ารับการสอบข้อเขียนแล้ว
จึงจะสามารถพิมพ์ใบสมัครตัวจริงได้
7. คำถาม : ส่งเอกสารหลักฐานให้สำนักงานศาลปกครองเมื่อไร
คำตอบ : ผู้ผ่านการสอบข้อเขียนจะต้องส่งเอกสารหลักฐาน ที่กำหนดตามประกาศรับสมัครฯ ให้กับสำนักงานศาลปกครอง
โดยต้องยื่นด้วยตนเอง ภายใน 10
วันทำการ นับแต่วันประกาศผลผู้ผ่านการสอบข้อเขียน
8. คำถาม : ประกาศรายชื่อผู้เข้ารับการสอบข้อเขียนได้เมื่อไร
คำตอบ : สำนักงานศาลปกครอง จะประกาศรายชื่อผู้เข้ารับการสอบข้อเขียน วัน
เวลา สถานที่สอบ และระเบียบเกี่ยวกับการสอบ ทางเว็บไซต์ https://admincourt.job.thai.com/
9. คำถาม : หากต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งคุณสมบัติผู้สมัครสอบ
วุฒิการศึกษา กำหนดการประกาศ รายชื่อผู้มีสิทธิสอบ และอื่น ๆ สามารถติดต่อได้ที่ใด
คำตอบ : ผู้สมัครสามารถติดต่อได้ที่ สำนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ ชั้นที่ 4 สำนักงานศาลปกครอง
เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ
แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 02-141-0779,
02-141-0778, ในวันและเวลาราชการ
10. คำถาม : หากต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัครสอบ เช่น การส่งใบสมัคร
การพิมพ์ใบสมัคร หรือการค้นหาใบสมัคร สามารถติดต่อได้ที่ใด
คำตอบ : ผู้สมัครสามารถติดต่อได้ที่ Call Center โทร. 0-2257-7230 ในวันจันทร์-ศุกร์
เวลา 8.30-17.30 น. หรือ Line ID : @thaijobjob
11. คำถาม : หนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหน่วยงานเพื่อแสดงว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 18 วรรคหนึ่ง (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ผู้สมัครจะต้องดำเนินการอย่างไร
คำตอบ : ผู้สมัครต้องให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเป็นผู้ออกหนังสือรับรองดังกล่าวและให้หัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับรอง โดยสาระในหนังสือรับรองจะต้องครอบคลุมคุณสมบัติที่ใช้ในการสมัคร
12. คำถาม : การกรอกชื่อเอกสารประสบการณ์ในการทำงานหรือผลงานทางวิชาการ และการยื่นเอกสารผลงานฯ จะต้องดำเนินการอย่างไร และเมื่อไร
คำตอบ : ให้ผู้สมัครกรอกเฉพาะชื่อเอกสาร/ผลงานลงในใบสมัครข้อ 8 ให้ครบทั้ง 5 เรื่อง/ชิ้น มิฉะนั้นระบบจะไม่ยอมให้ส่งใบสมัครได้ แต่ผู้สมัครยังไม่ต้องส่งเล่มเอกสาร/ผลงานจนกว่าจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบข้อเขียน (ผู้ผ่านการสอบข้อเขียนและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเท่านั้นที่ต้องส่งเล่มเอกสาร/ผลงาน)
13. คำถาม : กรณีปริญญาบัตรหรือหลักฐานแสดงคุณวุฒิการศึกษาเป็นภาษาต่างประเทศจะต้องแปลเป็นภาษาไทยด้วยหรือไม่
คำตอบ : หากปริญญาบัตรหรือหลักฐานแสดงคุณวุฒิการศึกษาที่ผู้สมัครใช้ เป็นภาษาต่างประเทศ ผู้สมัครจะต้องแปลเอกสารดังกล่าวเป็นภาษาไทย และรับรองความถูกต้องในเอกสารแปลด้วย